สวัสดีครับท่านผู้บริหารและเพื่อนครูทุกท่าน
ช่วงนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอม ไม่ทราบว่า แต่ละท่านได้พักผ่อนกันบ้างหรือยัง
เพราะตอนนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำลังขับเคลื่อนงานนโยบายของ สพฐ.
และกระทรวงในหลายๆ เรื่อง เช่น โรงเรียนประชารัฐ โรงเรียนดีประจำตำบล
โรงเรียนในโครงการอื่นๆ อีกมากมาย ที่ท่านผู้บริหารและเพื่อนครูจะต้องเข้าร่วมกิจกรรม
และรายงานการดำเนินการต่างๆ คิดแล้วผมเป็นห่วงจังเลย
ว่าเพื่อนครูจะเอาเวลาไหนในการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในช่วงเปิดภาคเรียนที่จะถึง
ผมไม่ว่าจะออกไปนิเทศ โรงเรียนไหน หรือมีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนครู
ผมจะพูดอยู่เสมอว่า งานหลักๆ ของเพื่อนครู จริงๆแล้ว มีอยู่ 3 เรื่อง
1. รู้และเข้าใจเรื่องของหลักสูตร 2. การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ 3. การวัดและประเมินผล ผมเชื่อว่าถ้าเพื่อนครูทำ 3 เรื่องนี้
อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนของพวกเราก็จะบรรลุตัวชี้วัด และมาตรฐานตามหลักสูตร
แน่นอน
....ทบทวน....หลักสูตรหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ
ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ(5
สมรรถนะ) และคุณลักษณะอันพึงประสงค์(8 คุณลักษณะ)
และเป็นที่ทราบกันดีว่าในหลักสูตรในกำหนดไว้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ในแต่ละกลุ่มสาระจะมีมาตรฐานและตัวชี้วัดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่ผู้เรียน
พึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ ในส่วนของตัวชี้วัดเป็นตัวระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้
รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้
มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม
นำไปใช้ในการกำหนดเนื้อหา
จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน
ดั้งนั้นเมื่อพิจารณากรอบหลักสูตรข้างต้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องมีความสามรถในการจัดกิจกรรมการเรียน
เพื่อให้นักเรียนบรรลุตัวชี้วัดในแต่ละชั้นปี ก่อให้เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์
นักเรียนมีสมรรถนะตามหลักสูตร สามารถดำรงตนอย่างมีความสุขในศตวรรษที่
๒๑ เพื่อนครูอาจจะบ่นหรือว่าผมเอาเรื่องเหล่านี้มาพูดทำไมในสารฉบับ
นี้ ก็แค่เป็นการย้ำครับ
การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้....มีการออกแบบการเรียนรู้ลักษณะหนึ่งที่
Wiggins
และ Mc Thighe ได้เสนอรูปแบบการสร้างความเข้าไว้
ซึ่งผมคิดว่า
เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่มีความเหมาะสมกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ที่เพื่อนครูกำลังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนานักเรียนของเราอยู่ในขณะนี้ นั้นก็คือ
Backward
Design เนื่องจากการออกแบบการเรียนรู้ลักษณะนี้ คือ ใช้หลักของการกำหนดเป้าหมายเป็นฐานในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
ซึ่งเป็นที่ทราบของเพื่อครูอยู่แล้วว่า ในหลักสูตรฯ มีการกำหนดเป้ามาแล้ว
นั้นก็คือ “มาตรฐาน ตัวชี้วัด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะ” นั้นเอง 3 องค์ประกอบง่ายๆของการออกแบบการเรียนรู้แบบ backward
Design คือ 1.
กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ เป็นความรู้หรือลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
เป็นความรู้ที่ฝั่งเน้นและติดตัวนักเรียนไป
2.
กำหนดหลักฐานการเรียนรู้
เป็นสิ่งที่ให้ผู้เรียนแสดงออกมาว่ามีความรู้ตามเป้าหมายที่กำหนด3.
กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นการกำหนดวิธีการว่าจะให้นักเรียนทำอย่างไร
เพื่อแสดงออกว่านักเรียนมีความรู้ตามเป้าหมายที่กำหนด
ยกตัวอย่าง
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯสาระที่
4 ประวัติศาสตร์มาตรฐานการเรียนรู้ที่
4.1 ตัวชี้วัดที่ ป.1/3
* ขั้นการกำหนดเป้าหมาย
ดังที่ผมกล่าวข้างต้นแล้วว่าในหลักสูตรแกนกลางได้กำหนด เป้าหมายมาให้แล้ว
ดังนั้นในกรณีตัวอย่าง เป้าหมายก็คือ
มาตรฐานการเรียนรู้ที่
4.1 ตัวชี้วัดที่ ป.1/3
บอกประวัติความเป็นมาของตัวเองและครอบครัวโดยการสอบถามผู้เกี่ยวข้อง * หลักฐานการเรียนรู้ คำสำคัญคือนักเรียน
“บอก” ประวัติของตัวเอง และครอบครัว
อะไรล่ะที่เป็นการแสดงออกว่านักเรียนบอกเรื่องเหล่านี้ได้ เช่น การเขียน การวาด การเล่าเรื่อง แผนผังครอบครัว เป็นต้น
ซึ่งนั้นคือหลักฐานการเรียนรู้ * กิจกรรมการเรียนรู้ คำสำคัญคือนักเรียน
“สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง” ชัดเจนกิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งนี้จะต้องมีการสัมภาษณ์
นักเรียนจะต้องรู้จักตั้งคำถาม
เมื่อเราวิเคราะห์ได้ขนาดนี้แล้ว
ผมเชื่อได้เลยว่าเพื่อนครูสามารถที่จะออกแบบ และเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Backward
Design ได้อย่างสบาย สบาย
วัดอย่างไรดี.... ผมเห็นว่าการวัดผลในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก
เพราะจะทำให้เพื่อนครูประจักษ์ว่านักเรียนแต่ละคนที่เพื่อนครูรับผิดชอบนั้น บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้
สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หรือไม่ ผมขอ
นำเสนอวิธีการวัดผลตามสภาพจริงให้เป็นทางเลือกกับเพื่อนครูนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวไว้ว่า การวัดผลตามสภาพจริง “กระบวนการจัดเก็บข้อมูล
รวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสิน (Determine)
ระดับของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ผลความสำเร็จที่พึงปรารถนาหรือผลความสำเร็จตามมาตรฐานคุณภาพผลการเรียนรู้” มีคำสำคัญ ก็คือ 1. ข้อมูล
ข้อมูลในที่นี้ก็คือการแสดงออกของนักเรียน ชิ้นงาน ผลงาน พฤติกรรม ของนักเรียน 2. ระดับผลสัมฤทธิ์ คือ
เป้าหมายที่ต้องการนั้นเอง 3. พิจารณาตัดสินเทียบกับเกณฑ์
หมายความว่าจะตัดสินผลได้ จะต้องมีการกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน
ฉบับนี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
ครั้งหน้า จะมาคุยต่อเรื่อง เกณฑ์การวัด
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องอื่นๆอีกนะครับ...เกือบลืมครับ.....ผมได้จัดทำWebsiteเล็กๆไว้เพื่อเพิ่มช่องทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ชื่อ http://gg.gg/40n5e
“ใกล้เปิดภาคเรียนแล้ว
เพื่อนครูทำเรื่องเหล่านี้หรือยัง?”